2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.
ออเจ้าทั้งหลาย ตั้งหน้าตารอคอยวันพุธ-พฤหัสฯ เช่นข้าหรือไม่? ถ้าใช่แล้วให้ออเจ้ารู้ไว้เลยว่า เราคือพวกเดียวกัน!! ห่างหายจากการติดละครหลังข่าวมายาวนานมาๆ สำหรับอิฉัน แต่เชื่อว่าทุกคนต้องหันกลับมาเปิดจอรอชม บุพเพสันนิวาส เหมือนเราเป็นแน่แท้ล่ะ ก็แหม….
ศ 2450 เมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการปลุกเสกพระจาก พระอาจารย์ แจง ฆราวาส จึงตัดสินใจสร้างพระขื้นมาครั้งแรก พระเครื่องหลวงพ่อปานที่จัดสร้างขื้นในยุคแรกๆ นิยมเรียกกันว่า พระพิมพ์โบราณ แต่ไม่ได้รับความนิยมนัก เพราะรูปแบบพิมพ์ทรงแกะโดยฝีมือชาวบ้าน จึงขาดความงดงามไปบ้าง ยุคต่อมา หลวงพ่อปานได้จัดสร้างขื้นใหม่ มีรูปแบบพิมพ์ทรงสวยงามและมีมากมายหลายพิมพ์ ได้รับความนิยมเป็นมาตรฐาน 6 พิมพ์หลัก ด้วยกันดังนี้: 1. พิมพ์ทรง ไก่ 2. พิมพ์ทรง หนุมาน 3. พิมพ์ทรง ครุฑ 4. พิมพ์ทรง เม่น 5. พิมพ์ทรง ปลา 6. พิมพ์ทรง นก ในแต่ละพิมพ์ ยังจำแนกแยกย่อยออกเป็นแม่พิมพ์ต่างๆ อีกหลายแบบดังที่จะแนะนำในลำดับต่อไป พระครูวิหารกิจจานุการ( ปาน สุนันโท) มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันที่ 26 กรกฎาคม พ. ศ 2481 รวมสิริอายุได้ 63 ปี.
2385) - เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือ พระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี นิราศเมืองเพชร (พ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.
2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง นิราศพระบาท (พ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จ พระองค์เจ้าปฐมวงศ์ ไปนมัสการรอย พระพุทธบาท ที่จังหวัด สระบุรี ในวันมาฆบูชา นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่ง ไปนมัสการ พระเจดีย์ภูเขาทอง ที่จังหวัด อยุธยา นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัด สุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็น โคลง นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา เทพ สุนทรศารทูลเสนอว่า นิราศดังกล่าวเป็นผลงานของพัด ภู่เรือหงส์ บุตรของสุนทรภู่ [52] นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) - แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา เทพ สุนทรศารทูลเสนอว่า นิราศดังกล่าวเป็นผลงานของ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ [52] รำพันพิลาป (พ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่ วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขาบท นิราศพระประธม (พ.
20 น.
ทรงผมปีกของคุณป้าจำปา คือทรงนิยมในสตรีที่มีฐานะและยศศักดิ์ ในสมัยอยุธยา 26. ออกญา คือ "บรรดาศักดิ์" ไม่ใช่ "ศักดินา" 27. พระเพทราชาและพระเจ้าเสือยึดอำนาจจากพระนารายณ์ เกิดปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นยังไงกันบ้างคะออเจ้าของพี่หมื่นทั้งหลาย ลืมคำพูดที่ว่าดูละครอะไรไร้สาระไปเลย เพราะ ทีมบุพเพสันนิวาส อย่างเรา ดูสนุกแถมยังได้สาระความรู้เกี่ยวกับบประวัติศาสตร์ไทยอีกเพียบ นี้แค่เริ่มต้นเกล็ดความรู้ยังเยอะขนาดนี้ ดูต่อไปจนจบเรื่องรับรองว่าได้ความรู้ดีๆ อีกเพียบแน่นอน มาตั้งตารอคอยวันพุธด้วยกันนะเจ้าคะ ฮี่ๆ ʕ≧㉨≦ʔ ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง ♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥ iOS: AppStore Android: PlayStore
พระครูวิหารกิจจานุการ( ปาน สุนันโท) เป็นชาวบ้านย่านวัดบางนนมโค กำเนิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ. ศ 2418 โยมบิดาชื่อ อาจ โยมมารดา ชื่อ อิ่ม นามสกุล สุทธาวงศ์ เป็นบุตรคนเล็ก ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา สาเหตุที่โยมบิดาตั้งชื่อท่านว่า ปาน เนื่องจากที่นิ้วก้อยมือช้ายของท่านเป็น ปานแดง ตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้วชึ่งแปลกและไม่ค่อยปรากฏมีกันนัก พอมีอายุครบ 20 ปี ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ. ศ 2438 โดยมีหลวงพ่อ สุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ จ้อย วัดบ้านแพน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ อุ่น วัดสุธาโภชน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุนันโท เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาที่วัดบางปลาหมอเพื่อปรนนิบัติพระอุปปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัยและพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด หลวงพ่อปาน ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ จากพระอาจารย์หลายท่าน ดังนี้ 1. ศึกษาและสืบทอดด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน พุทธาคม รวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณจาก หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ 2. ศึกษาพระปริยัติธรรมและภาษาบาลีจาก พระอาจารย์จีน วัดเจ้าเจ็ด เป็นเวลา 2 ปี 3. ศึกษาพระปริยัติธรรมเพิ่มเติมที่ สำนักวัดสระเกศ กรุงเทพฯ เป็นเวลา 5 ปี 4.