ว่ากันลงลึกก็คือ อาจเพราะปมภายใต้จิตใจบางประการ ที่มันไม่อาจเข้าใจตัวเองได้ง่ายหรือทันที แต่หากตอบเช่นนี้ไป ก็ยากจะเข้าใจ ที่จริงทางที่ง่ายกว่า คือ ทบทวนตัวเองว่า "เรามองหา หรือกำลังดิ้นรนกับอะไร? " เราล้วนมักอยากมีแฟนมาเป็น "คู่ชีวิต" ที่ให้ชีวิตมีอีกคนมาเติมเต็ม, ส่งเสริม, ประคับประคอง พากันก้าวหน้า ช่วยกันในหลาย ๆ ด้าน เพราะคงไม่มีใครอยากมีแฟนมาเป็นตัวถ่วง มาทำให้ระแวง มาทำให้เป็นทุกข์ มาให้ต้องแก้ปัญหา หรือบางที เราต้องการมีแฟนมาเพื่อชดเชยอะไร? การมีแฟนเพื่ออวด เพื่อเป็นเครื่องประดับ ควงแขน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้าเหตุผลประมาณนี้มันก็ดูสำหรับเด็ก ๆ เหมือนคนไม่เคยมีแฟนแล้วเพิ่งอยากมี ถ้าไม่เคยมีจริง ๆ ไม่เสียหายก็ลองมีไป แต่ส่วนใหญ่ในกรณีนี้ล้วนเคยมีมาแล้ว.. …เพื่อสุขใจ หรือสุขกาย แล้วถ้าไม่ได้อะไรเลย?.. บางคนอาจบอกว่าเป็นความสุขทางใจ บางคนก็ความต้องการทางกาย (ที่ไม่มีใครบอกตัวเองตรง ๆ) ก็ธรรมชาติหนึ่งของมนุษย์และมันไม่ผิด แต่หากมีมาแล้วมันไม่ได้สุขตามนั้นจริง ใจก็ไม่สุข กายก็ไม่สุขจริง ได้แค่ชั่วคราว หรือได้สุขทางกามารมณ์ แต่ทุกข์กายลำบากในชีวิตเป็นอยู่ แบบนี้ก็ดูไม่น่าจะคุ้ม ยิ่งได้สนองเพียงแค่นั้นแล้วใจทุกข์ ยิ่งไม่น่าจะเรียกสุขไปกันใหญ่ จะมุมไหนก็ตาม คงต้องถามตัวเองจริงจังกันดู ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง หรือได้ทุกอย่างในชีวิต ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน สำหรับแค่บางคน ที่ควรจะสงสัยตัวเองสักทีว่า "มีแฟนไปทำไม? "
ภาพไฮไลต์ ขึ้นแท่นหนุ่มฮอตและมีแฟนคลับติดตามเกือบทั่วโลกไปแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่ม มิว ศุภศิษฏ์ ล่าสุด มิว ได้มานั่งพูดคุยในรายการ วันกรรชัยทอล์ค ของ หนุ่ม กรรชัย ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับตัวเองในทุกประเด็น โดย มิว เล่าว่า ตอนแรกตัวเองไม่ได้ชื่อ มิว แต่ชื่อ นิว แล้วได้ไปดูดวงมา เค้าบอกว่าคนที่เกิดวันพฤหัสห้ามมี น. หนู อยู่ในชื่อ มันจะเป็นกาลกิณี เลยคิดว่าจะเปลี่ยนชื่อยังไงให้คนยังจำได้ เลยเปลี่ยนเป็น ม.
เราอาจไม่เก่งด้านการดูคนให้ออกก็ได้ ไม่เก่งในการปรับตัวหาใครก็ได้เช่นกัน ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง และไม่มีใครได้ทุกอย่างในชีวิต… ที่สำคัญประการหนึ่ง บางทีปัญหาอาจไม่ใช่จากคนที่มาเป็นแฟน แต่เป็นตัวเองที่ไม่เคยพอใจ ไม่รู้จักพอ ไม่เคยเข้าใจความต้องการแท้จริง หรือมัวแต่ใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ จึงเสียเวลา เสียทั้งอนาคตเพราะคิดแต่ว่า "อยากมีแฟนที่ดี" แต่ไม่เลิกรา ในเมื่อที่ได้มาเจอแต่ไม่ดี!
(ได้คำตอบไหมครับ) ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสเลิกรามีกันทั้งสิ้นไม่ว่าอายุเท่าใด แต่หากเปรียบเทียบดู อายุน้อยกว่า ก็น่าจะมีโอกาสเลิกรากันง่ายกว่าตามเหตุผลข้างต้น การมีแฟนควรเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี? จากคำถามนั้น หากอธิบายเป็นคำพูดคงได้ทำนองว่า เด็กคบกันย่อมเลิกกันง่ายกว่าผู้ใหญ่คบกัน ทว่า ถ้าเข้าวัยผู้ใหญ่ วัยกลางคนแล้ว ยังเลิกราบ่อยเหมือนวัยรุ่น หรือเลิกราด้วยสาเหตุแบบเด็ก ๆ อยู่ล่ะ? เช่นนี้มองว่าอย่างไร? ปัญหาชีวิตคู่ เป็นเรื่องของคนสองคน เขาจะเลิกกันเพราะอะไร ใครผิด/ถูก ให้สรุปแทนกันย่อมไม่ได้ เพียงแต่ผลกระทบที่มากกว่านั้นสำหรับหลายคนคือ เมื่อชีวิตคู่มีปัญหา ย่อมส่งผลต่อชีวิตด้านอื่นด้วย… ลูก, ครอบครัว, หน้าที่การงาน, ความเป็นอยู่, เป้าหมายชีวิต… วัยรุ่น หรือหนุ่มสาว อาจเป็นวัยเริ่มต้นลองผิดลองถูกดังที่กล่าวไป ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่รวมถึงเรื่องการงาน และอนาคต การยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ย่อมเป็นปกติ และเขายังมีเวลาเลือก แต่หากเข้าสู่วัยที่ควรจะสร้างตัว หรือเริ่มสร้างรากฐานมั่นคงแล้ว เช่นวัย 30+ แล้วยังต้องมีปัญหาชีวิตคู่ซ้ำซาก แบบนี้ การมีแฟนเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่ดี?