แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ จะให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถ โดยโทษปรับหากคนขับรถไม่ยอมให้ตรวจแอลกอฮอล์ พ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.
ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร กฎจราจรนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อบังคับใคร แต่มันมีไว้ เพื่อความปลอดภัย ของชีวิตคุณ ดังนั้นบางกฎถึงคุณจะไม่ชอบ รู้สึกว่ามันไร้สาระ แต่มันมีไว้เพื่อปกป้องคุณเองและผู้ร่วมทาง คุณควรตระหนักว่าคุณจะไม่ได้โชคดีทุกครั้งไป ครั้งนี้คุณฝ่าไฟแดงไปได้ แต่ครั้งหน้า มันอาจจะมีรถสวนมาและคุณก็ไม่รอด คุณควรเลิกนิสัยการเห็นไฟเหลืองแล้วรีบเหยียบคันเร่งให้พ้นไป เพราะนั่นคือการเตือนให้คุณชะลอ อย่าคิดว่ารถของเราแน่พอจะไปทันเสมอ เพราะถ้าไม่ทันมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว 7. แซงรถในที่คับขัน การแซงก็เป็นส่วนหนึ่งในการใช้รถบนถนน ที่ต้องอาศัยทักษะและการตัดสินใจที่เฉียบขาด เราเชื่อว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีการตัดสินใจที่ดี การแซงทุกครั้งคุณทำได้อย่างดีเยี่ยมเสมอ แต่คุณควรจะคิดเสมอว่า ผู้ขับคนอื่น ๆ ไม่ได้เก่งกาจเหมือนคุณทุกคน ขณะที่คุณเร่งแซงในที่คับขันคุณไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารถคันที่คุณกำลังแซงจะอยู่นิ่ง ๆ ตรงนั้นเสมอ จะไม่แฉลบขวาออกมาเพราะมองไม่เห็นคุณ ทางที่ดีที่สุดคือแซงเมื่อปลอดภัย อย่าได้เสี่ยงกับคนที่คุณไม่รู้จักเด็ดขาด 8. โทรศัพท์ขณะขับขี่ ตั้งแต่โลกเรามีโทรศัพท์มือถือ มันก็เข้ามาเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ทันที ทุกคนก็รู้กันอยู่ว่าการขับรถนั้นสมาธิเป็นสิ่งสำคัญ แม้การใช้โทรศัพท์ในรถยุคปัจจุบันจะมีพัฒนาการไปไกล จนมีทั้งหูฟังหรือบลูทูธเข้ามา แต่การพูดโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิของเราออกจากการขับรถได้ง่าย ๆ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรรับโทรศัพท์ แต่ถ้าจำเป็นก็ควรจะจอดรถก่อน เพราะมันเป็นวินัยที่เราควรจะรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมทาง คำว่าอุบัติเหตุไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณคนเดียว แต่เกิดขึ้นกับคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน 9.
จัดโซนนิ่ง กวดขันขับขี่ปลอดภัยของมอเตอร์ไซต์ โดยพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95. 5 ต้องการให้รัฐบาลและ คสช. จัดโซนนิ่ง กวดขันขับขี่ปลอดภัยของมอเตอร์ไซต์ที่ สถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน เป็นต้น ร้อยละ 91. 4 ต้องการให้จัดโซนนิ่ง กวดขัน ขับขี่ปลอดภัยของมอเตอร์ไซต์ ที่ นิคมอุตสาหกรรม ย่านธุรกิจ ร้อยละ 90. 3 ระบุ เส้นทาง ถนน คู่ขนานทางด่วน มอเตอร์เวย์ ร้อยละ 79. 2 ระบุ สถานบันเทิง ร้านเหล้า ลานเบียร์ ร้อยละ 78. 9 ระบุ หมู่บ้านชุมชน ร้อยละ 74. 5 ระบุ ศูนย์ราชการ ร้อยละ 69. 2 ระบุแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และร้อยละ 63. 1 ระบุ สถานที่ราชการ เป็นต้น
ค. 64 – 4 ม. 65 โดยสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565ในช่วงระหว่างวันที่ 29-30 ธ. 64 เกิดอุบัติเหตุจำนวน 31 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 ราย เสียชีวิต 3 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 1 ราย ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ คือ เมาสุรา ร้อยละ 52. 17 รองลงมาเป็นการขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21. 74 และ ตัดหน้ากระชั้นชิด 8. 70 ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ปิกอัพ และ รถยนต์เก๋งตามลำดับ โดยเกิดเหตุในพื้นที่ถนนในหมู่บ้าน สำหรับสถิติการเรียกตรวจตามมาตรการ 10 รสขม.
เมาสุรา ว่ากันว่าคนไทยเมาได้ทุกที่ ปาร์ตี้ได้ทุกคืน และมันก็เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากรถชนกัน อาจเป็นเพราะการขาดความรับผิดชอบหรือมาตรฐานการกวดขันที่ต่ำเอามาก ๆ ของเจ้าหน้าที่ ทุกคนบนท้องถนนเราจะได้เห็นผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพเมามายไม่พร้อมที่จะขับรถ ออกมาโลดแล่นท้าความตายบนถนนอยู่เสมอ และหากจะไปตายคนเดียวก็ไม่มีใครว่า แต่อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับส่วนใหญ่ผู้สูญเสียกลับเป็นผู้ร่วม ใช้รถใช้ถนน ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมาแล้วขับ 2. ขับรถเร็วเกินกำหนด ถ้าเรื่องเมาเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ความคึกคะนองก็เป็นสาเหตุต่อมา จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ปัญหาการขับรถเร็วเกินกำหนดไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้ขับขี่ที่เป็นวัยรุ่นเท่านั้น วัยผู้ใหญ่ที่ควรจะมีสติยั้งคิดกลับกลายเป็นคนก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เสียเองซะส่วนใหญ่ เป็นไปได้ว่าผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานดีเมื่อมีเงินพอที่จะซื้อรถแพง ๆ เครื่องแรง ๆ ใช้ความเร็วสูงได้ มันก็ต้องได้ใช้พลังของรถที่ซื้อมาให้คุ้ม แต่ไม่ว่าจะมีประสบการณ์หรือความเจนจัดขนาดไหน เมื่อประมาท มันก็นำไปสู่อุบัติเหตุรถยนต์ได้ทั้งนั้น 3.
เมื่อเวลา 10. 30 น. วันที่ 12 เม. ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ. ) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ. ศ. 2565 โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท. ) แถลงยอดอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เม. 65 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ "ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ" สรุปผล ดังนี้ เกิดอุบัติเหตุจำนวน 237 ครั้ง, ผู้เสียชีวิตจำนวน 26 คน, ผู้บาดเจ็บ 238 คน, สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 32. 91 รองลงมา ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 21. 94 ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83. 90 โดยส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 44. 73 ถนนใน อบต. /หมู่บ้าน ร้อยละ 30. 38 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 83. 97 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ช่วงเวลา 11. 01-12. 00 น. ร้อยละ 8. 44 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 23. 86 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ จ. นครศรีธรรมราช จำนวน 12 ครั้ง, จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ จ. นครศรีธรรมราช จำนวน 14 คน, ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ จ.
สำหรับ ประกันรถยนต์ อีกด้วย รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า คุณยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน
เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60, 000-200, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนใบขับขี่ สำหรับช่วงคุมเข้มอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 ในปีนี้เจ้าหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมตั้งจุดตรวจ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่องตาม 10 มาตรการ ดังนี้ 1. ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2. ขับรถย้อนศร 3. ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร 4. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5. ไม่มีใบขับขี่ 6. แซงในที่คับขัน 7. เมาสุรา 8. ไม่สวมหมวกนิรภัย 9. มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ กรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุรา หรือของอย่างอื่น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเมาสุราหรือเมาของอย่างอื่น รวมทั้งจะเนินการตามมาตรการ ตรวจวัดแอลกฮอล์ อย่างเข้มข้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วทำให้มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ดังนี้ 1. กรณีที่ผู้ขับขี่รู้สึกตัวดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจ 2. กรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหนังสือส่งตัวผู้ขับขี่ดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ปฏิเสธเป่า = เมาแล้วขับ ถ้ากรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบ หย่อนความสามารถในการขับขี่โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่ง พ.
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่และในทุกสถานการณ์ และสำหรับสาเหตุยอดฮิตที่ก่อให้เกิด อุบัติเหตุรถชน กันมากที่สุดนั้น เราขอทำการสรุปออกมาเป็น 8 สาเหตุด้วยกัน ดังนี้ 1. เมาแล้วยังขับ คิดได้ไง? กรณีนี้มีข่าวออกมาให้เราได้เห็นรายวัน เกี่ยวกับ อุบัติเหตุรถชน ที่เกิดจากการเมาแล้วขับ ซึ่งหลายชีวิตต้องมาสังเวยให้กับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถหลายต่อหลายชีวิตด้วยกัน 2. ซิ่งเซียนเกรียนถนน "ความเร็ว" เป็นสาเหตุใหญ่มากเราจะเห็นอยู่ในข่าวรายวันเกี่ยวกับการขับรถยนต์ด้วยความเร็วเกินกว่าที่กำหนด และทำให้เกิดการควบคุมรถยนต์เอาไว้ไม่อยู่ และทำให้เกิด รถชนกัน ได้อย่างไม่คาดคิด เห็นได้จากข่าวอุบัติเหตุรายวันที่เกิดขึ้น 3. หนังตามันหนัก "หลับใน" แบบนี้ไม่ดีแน่! การหลับในก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของ อุบัติเหตุรถชน เช่นเดียวกัน ในการใช้รถยนต์และการเดินทาง ผู้ขับขี่ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ต้องมีสติและอยู่ในโหมดร่างกายที่พร้อมขับรถยนต์ หากว่าคุณพักผ่อนน้อย คุณจะต้องจอดรถในสถานที่เหมาะสมแล้วพักผ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการหลับในและอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง 4. ฝนฟ้าไม่เป็นใจ สภาพอากาศและทัศนวิสัยในการมองเห็น เป็นองค์ประกอบหลักที่เราจะสามารถขับขี่รถยนต์และเดินทางได้อย่างปลอดภัย ถ้าอากาศหนาว หมอกลง หรือฝนตก ควรต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งในส่วนของความเร็วในการขับขี่ก็ต้องลดลงด้วย 5.
30 ธ. ค. 2559 --- ศปถ. สรุปสถิติวันแรก อุบัติเหตุ 524 ครั้ง เสียชีวิต 42 ราย เจ็บ 565 คน สาเหตุหลัก "เมาแล้วขับ" สั่งตั้งด่านถนนสายหลัก-รอง กำชับคุม "ขับรถเร็ว" ตรวจเข้มระดับ "แอลกอฮอล์" เมื่อวันที่ 30 ธ. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองประธานกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ. ) คนที่ 3 เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ประจำปี 2560 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ. 2559 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 524 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 565 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา และขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 29. 77 ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83. 09 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 58. 21 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38. 17 ถนนใน อบต. และหมู่บ้าน ร้อยละ 32. 25 นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.