4 ล้านคน ทั่วโลกเฉลี่ยพบผู้ป่วยโรคเก๊าท์ 300 รายต่อประชากร 100, 000 คน ลักษณะของโรคเกาต์คือ การอักเสบของข้อที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน อาจมีอาการอยู่ประมาณ 5-10 วัน แล้วหายไป ขณะที่ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดเป็นโรคเรื้อรัง เกิดการอักเสบของข้อแบบเป็นๆ หายๆ และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุของโรคเกาต์เกิดจากระดับของกรดยูริกในเลือดสูง เป็นผลมาจากการสะสมกรดยูริคในร่างกายจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วกรดยูริคจะตกผลึกเมื่อระดับของกรดยูริกในเลือดมากเกิน 6.
เฮลซ์บลูบอยรุกตลาดต่างประเทศ การเจาะตลาดของเฮลซ์บลูกบอยเริ่มต้นแต่ปี 2558 ที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป ในปีต่อมาคือ 2559 การส่งออก มุ่งไปยังตลาดอาเซียน และจีน โดยเป็นหนึ่งใน 200 ผู้ประกอบการไทย ที่อยู่ในศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน(TSTC) ณ เมืองโฝซาน มณฑลกวางตุ้ง ภายในโครงการ "คาค่า"(KAKA) ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของนักลงทุนชาวไทยที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 600 ล้าน นอกจากนี้เฮลซ์บลูกบอยยังมีเป้าหมายในการบุกตลาดอินเดียและชูสโลแกน Number one syrup in Thailand เพื่อกระจายความหวานสายพันธุ์ไทย ให้อยู่ในทุกพื้นที่บนโลก 6. รายได้ของบริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง มองย้อนไปในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 2, 000 ล้านบาท ในปี 2557 รายได้ 2, 392 ล้านบาท กำไรสุทธิ 515 ล้านบาท ในปี 2558 รายได้รวม 2, 830 ล้านบาท กำไรสุทธิ 605 ล้านบาท และในปี 2559 รายได้รวม 2, 803 ล้านบาท กำไรสุทธิ 581 ล้านบาท จุดที่น่าสนใจคือ รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจาก สินค้าตัวเดียวที่อย่าง เฮลซ์บลูบอย ถึงแม้ว่าจะโดนท้าทายจากสินค้าแบรนด์อื่นๆทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเฮลซ์บลูบอยได้ 7.
โรคเกาต์และโรครูมาตอยด์เป็นโรคข้อที่พบมากในคนไทย ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก การแยกความเจ็บป่วยของทั้งสองโรคไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นการรู้ถึงความต่างของอาการระหว่างโรคเกาต์และโรครูมาตอยด์จะช่วยให้รับมือได้ทันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี นพ.
ศ 2521 ตระกูลพัฒนะเอนกได้เริ่มก่อตั้ง บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยดำเนินธุรกิจน้ำหวานเข้มข้นและ น้ำตาลก้อนที่ใช้ในการชงกาแฟ 2. คำว่า "Hale's" ไม่มีใครเลียนแบบได้ คุ้นเคยกันดีกับฟอนต์ขนาดใหญ่คำว่า Hale's ที่ถือว่าโดดเด่นบนสินค้า มาตั้งแต่ต้น ทำให้ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเคยเปลี่ยนชื่อบริษัท แต่คนก็จดจำในแบรนด์เฮลซ์บลูบอยได้อย่างดี แถมฟอนต์ "Hale's" ที่คนเห็นจนคุ้นตา ก็มีมาตั้งแต่ก่อนมีคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ โดยใช้การแกะบล็อกไม้เป็นตัวอักษร เลยได้ฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครเลียนแบบได้ 3.
เชื่อว่าทุกคนรู้จัก "เฮลซ์บลูบอย" และเชื่ออีกเหมือนกันว่าน้ำหวานยี่ห้อนี้มีติดอยู่ในห้องครัวแทบจะทุกบ้าน เราคุ้นเคยกับ เฮลซ์บลูบอย จนรู้สึกเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างไม่รู้ตัว รูปเด็กหนุ่มสวมหมวกเป็นสัญลักษณ์ กับภาษาอังกฤษ Hale's Blue Boy คือภาพจำสุดคุ้นชินที่คนไทยมีต่อแบรนด์ "เฮลซ์บลูบอย" ซึ่งผูกพันกันมานานถึง 60 ปี (ก่อตั้งเมื่อ พ. ศ. 2502)แม้จะอยู่ในแวดวงธุรกิจมานานหลายทศวรรษ แต่น่าแปลกใจที่เรื่องราวของ "เฮลซ์บลูบอย" กลับไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก มองว่านี่คืออีกหนึ่งแบรนด์สินค้าในตำนานที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจดียอดเยี่ยมและที่สำคัญเป็นธุรกิจที่เติบโตแบบไม่หวือหวาแต่ว่าอยู่มาได้อย่างแข็งแกร่ง ลองมาดู 10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับ เฮลซ์บลูบอย ว่ามีอะไรบ้าง 1. เติบโตจากร้านโชห่วยสู่แบรนด์สินค้าระดับประเทศ ภาพจาก พ. 2502 เฮลซ์บลูบอยถือกำเนิดขึ้นจาก 4 พี่น้องครอบครัวคนจีนตระกูล พัฒนะเอนก ซึ่งแต่เดิมประกอบอาชีพร้านโชห่วย ต่อมาได้เห็นโอกาสในธุรกิจน้ำหวาน เพราะ เนื่องจากในยุคนั้นประเทศไทยยังขาดสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทนี้ โดยสูตรน้ำหวานเป็นสูตรของครอบครัวที่คิดค้นขึ้นมาเองและในปี พ.
เฮลซ์บลูบอยไม่ได้มีผลต่อการบำรุงเลือด หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าหลังการบริจาคเลือดที่มักมีน้ำหวานให้ดื่มให้ดูดจะเป็นการให้น้ำหวานเข้าไปบำรุงเลือดแต่ความจริงคือเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำตาลจากน้ำหวานที่ย่อยและดูดซึมได้ค่อนข้างไวไปสะสมเป็นพลังงานให้ร่างกายและไปเป็นพลังงานให้กับสมอง จะได้ไม่ค่อยหน้ามืดเป็นลมจากปริมาณเลือดที่ลดลงฉับพลันจากการบริจาคเลือดป้องกันไม่ให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมแต่ไม่มีผลต่อการบำรุงเลือดแต่อย่างใดหน้าที่ของการบำรุงเลือดอยู่ในอาหารที่มี จะเป็นพวกธาตุเหล็ก ทองแดง กรดโฟลิค ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับส่วนผสมของเฮซ์บลูบอย 9.
4 ล้านคน ทั่วโลกเฉลี่ยพบผู้ป่วยโรคเก๊าท์ 300 รายต่อประชากร 100, 000 คน ลักษณะของโรคคือ การอักเสบของข้อแบบเฉียบพลัน อาจมีอาการประมาณ 5-10 วัน แล้วหายไป บางรายอาจเป็นโรคเรื้อรัง มีการอักเสบของข้อแบบเป็นๆ หายๆ และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุเกิดจากกรดยูริกในเลือดสูง จากการสะสมกรดยูริคในร่างกายจำนวนมาก โดยเฉลี่ยกรดยูริคจะตกผลึกเมื่อระดับกรดยูริกในเลือดมากเกิน 6.