ร. บ. ศุลกากร พ. ศ. 2469 มาตรา 27 กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดซึ่งถือเสมือนเป็นความผิดสำเร็จโดยมีโทษเช่นเดียวกับความผิดสำเร็จ จำเลยจึงมีความผิดตาม พ. 2469 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4905/2548 การจะถือว่าความผิดใดได้กระทำในราชอาณาจักรตาม ป. มาตรา 5 ต้องปรากฏว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของความผิดนั้นได้กระทำในราชอาณาจักรหรือผลแห่งการกระทำเกิดในราชอาณาจักร คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องระบุว่าเหตุทุกข้อหาเกิดในราชอาณาจักรที่บริเวณ ตำบลใดไม่ปรากฏชัด อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร แต่ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่าเหตุเกิดในเขตต่อเนื่องของประเทศไทยไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของความผิดได้กระทำในราชอาณาจักรและผลแห่งการกระทำก็ไม่ได้เกิดในราชอาณาจักรตาม ป. มาตรา 5 แต่อย่างใด จะถือว่าจำเลยกระทำความผิดในราชอาณาจักรไม่ได้
อ. มาตรา 56
จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ. 2539 มาตรา 26 ประกอบ ป. วิ. มาตรา 158 (5) มาตรา 161 วรรคหนึ่ง และมาตรา 185 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม พ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ 2) พ. 2558 มาตรา 12 วรรคสอง ประกอบ พ. 2539 มาตรา 45 (เดิม) และ ป. มาตรา 195 วรรคสอง ภายหลังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำพิพากษาแล้ว ได้มี พ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 25) พ. 2559 มาตรา 7 ยกเลิกความในมาตรา 56 แห่ง ป. และให้ใช้ความใหม่แทน ซึ่งตามมาตรา 56 ที่แก้ไขใหม่ เป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับแก่จำเลยตาม ป. มาตรา 3
คำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7503/2561 สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งพ้นโทษในคดีก่อนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 นับถึงวันกระทำความผิดคดีนี้แม้จะเกินกว่า 5 ปีก็ตาม แต่เมื่อมากระทำความผิดคดีนี้ซึ่งไม่ใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขตาม ป. อ.
ศ.
(ฉบับที่ 10) พ. 2532
ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ. 2497 มาตราที่สำคัญ 8วรรคสอง และ 9 LAW4009 ทรัพย์สินทางปัญญา พ. ลิขสิทธิ์พ. 2537 มาตราที่สำคัญ 3 วรรณกรรม ศิลปกรรม งานแพร่เสียงแพร่ภาพ ทำซ้ำ การโฆษณา, 6, 8-11, 15-18, 19, 21-22, 27-31 และ 32(1)(2)(7) พ. สิทธิบัตรพ. 2522 มาตราที่สำคัญ 3 สิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร การประดิษฐ์ กรรมวิธี แบบผลิตภัณฑ์, 5-8, 9(5), 10-11, 56-58, 65ทวิ และ 65ตรี พ. เครื่องหมายการค้าพ. 2534 มาตราที่สำคัญ 4 เครื่องหมาย เครื่องหมายการค้า ผู้ได้รับอนุญาต, 6, 8, 10, 44 และ 46 LAW4010 การค้าระหว่างประเทศ - Incoterms - Letter of Credits - การชำระเงินในทางการค้าระหว่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร - การเรียกเก็บเงินตามตั๋วธนาคาร พ. บการรับขนของทางทะเล พ. 2534 มาตราที่สำคัญ 3 หน่วยการขนส่ง, 8-11, 12, 14-17, 22, 28, 39, 41, 43-45, 48, 51, 52(1)(9)(10)(13) และ 58-60...
มาตรา 297 (8) คงรับฟังได้เพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 295 แม้ปัญหาข้อนี้จะยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะจำเลยิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ และฎีกาของจำเลยข้อนี้ต้องห้ามตามกฎหมายเพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ แต่ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม ป. มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และ 225 คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และได้ความว่าผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัส แต่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวตามที่ได้ความได้ตาม ป. มาตรา 192 วรรคท้าย พยานหลักฐานของโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยมีเจตนาแต่แรกที่จะร่วมกับพวกเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปด้วยหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป. มาตรา 227 วรรคสอง ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์มาแต่แรก คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยมีเจตนาแต่แรกที่จะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ได้เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตาม ป.