เลือกน้ำยาซักผ้า สูตรถนอมผ้า หากแน่ใจได้ว่าผ้าปูที่นอนของเราสามารถซักเครื่องได้ ก็เตรียมนำผ้าปูที่นอนใส่ลงเครื่อง ตั้งระบบเป็นแบบซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำธรรมดา แล้วรอให้น้ำเต็มถัง ค่อยเทผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าสูตรถนอมเนื้อผ้าลงไป ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในการซักผ้าที่มีสารเคมีไปทำลายเนื้อผ้า หากหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฟอกขาวได้ก็ยิ่งดี และไม่ควรใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้ามากเกินไป เพราะอาจทำให้ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง เกิดอาการแพ้ขณะกำลังนอนหลับได้ ควรใส่อย่างพอดีและศึกษาวิธีการดูแลรักษาผ้าปูที่นอนอย่างถูกต้อง 4. เลือกโหมดปั่นรอบต่ำที่สุด สำหรับการซักเครื่อง เราควรเลือกปั่นในโหมดรอบต่ำที่สุด เพื่อเป็นการถนอมผ้าปู หากเราใช้ความเร็วสูงในการปั่น อาจจะทำให้ผ้าปูที่นอนชำรุด และก่อให้เกิดความเสียหายได้ การซักผ้าปูที่นอนจึงต้องละเอียดอ่อนทุกกระบวนการ เพื่อให้ผ้าปูที่นอนของเราใช้งานได้นานมากที่สุด 5. อบแห้งหรือตากอย่างถูกวิธี ถ้าหากมีเครื่องสำหรับอบผ้า ก็สามารถนำผ้าปูที่นอนไปอบได้เลย โดยตั้งอุณหภูมิความร้อนระดับปานกลาง แต่ข้อควรระวังไว้ อย่าอบนานเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผ้าปูที่นอนไหม้ได้ หากไม่มีเครื่องอบผ้า ก็สามารถนำผ้าปูที่นอนไปตากแดดได้ในบริเวณที่อากาศถ่ายเท แต่ก็ไม่ควรตากที่แดดจัด เพราะเส้นใยของผ้าปูที่นอนอาจเสื่อมสภาพได้ การนำผ้าปูไปอบหรือตากแดดอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยถนอมผ้าปูที่นอน และป้องกันไรฝุ่น เชื้อโรคได้เป็นอย่างดี 6.
การนอน ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในกิจวัตรประจำวันของเรา แน่นอนว่าทุกคนอาจจะพบกับปัญหาการนอนไม่หลับ สาเหตุหนึ่งก็มาจากการไม่ทำความสะอาด ผ้าปูที่นอน อาจทำให้นอนแล้วเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ เราจะต้องรู้วิธีการถนอมผ้าปูที่นอนอย่างถูกต้อง เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการซักผ้าปูที่นอน แทนที่จะถนอมผ้าปูให้ดูใหม่ ก็กลับกลายเป็นทำให้ผ้าปูที่นอนเสื่อมสภาพลง ผ้าปูที่นอนเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการนอน ดังนั้นเราจึงต้องรู้แนวทางใน การดูแลรักษา ผ้าปูที่นอน ให้คุ้มค่าต่อการใช้งานให้ได้มากที่สุด 1. อ่านฉลากให้เข้าใจก่อน ลองสังเกตฉลากที่ติดกับชุดเครื่องนอนก่อนลงมือซัก ว่าสามารถนำไปปั่นในเครื่องซักผ้าได้หรือไม่ เพราะผ้าปูที่นอนบางชนิดก็ไม่สามารถทนต่อการซักเครื่องได้ อาจจะต้องใช้มือซักแทน จึงจำเป็นต้องอ่านฉลากหรือคู่มือในการซักให้เข้าใจก่อน อย่างละเอียดและรอบคอบ เพราะผ้าปูที่นอนแต่ละรุ่นก็มีเนื้อผ้าที่ต่างกัน การซักก็จะต่างกันไปด้วย 2. แยกผ้าปูออกจากเสื้อผ้า บางคนมักชอบนำผ้าไปซักรวมกันทีเดียว เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดๆ เพราะจะทำให้ซิปหรือตะขอของเสื้อผ้า ไปขีดข่วนผ้าปูที่นอนให้เกิดรอย หรือสีของเสื้ออาจจะตก ทำให้ผ้าปูที่นอนเกิดความเสียหายได้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องแยกผ้าปูออกจากเสื้อผ้า เพื่อเป็น การ ถนอมผ้าปูที่นอน ให้คงคุณภาพ และการแยกผ้าปูที่นอนออกจากเสื้อผ้า ก็จะช่วยให้มีพื้นที่ในการปั่นมากขึ้น และสามารถทำความสะอาดผ้าปูที่นอนได้อย่างทั่วถึง 3.
4. หมอนแห้ง ในการทำให้หมอนแห้งและขนหมอนให้ใช้วงจรอากาศหรือการตั้งค่าความร้อนต่ำสุดที่คุณมี แห้งจนกว่าจะแห้งสนิทและไม่มีเศษเหลืออยู่ (คุณไม่ต้องการให้หมอนขึ้นรา) สำหรับหมอนโพลีเอสเตอร์ให้ใช้ความร้อนต่ำ คุณสามารถเพิ่มลูกเทนนิสสองสามลูกลงในเครื่องอบผ้าเพื่อช่วยให้ฟูได้ แต่เครื่องเป่าเพียงอย่างเดียวอาจจะฟูได้ 5. พับติดตั้งแผ่น ฉันสามารถอธิบายวิธีแก้ปัญหาง่ายๆนี้กับปริศนาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของชีวิตได้ แต่หลังจากผ่านไปสองสามประโยคของ" พับมุมนี้เข้ามุมนั้น" ฉันแน่ใจว่าฉันจะเสียคุณไป ดังนั้นภาพบางส่วนแทน: 6. การทำความสะอาดที่นอน ดังที่บลายธ์ชี้ให้เห็นในวิธีทำความสะอาดที่นอน: "การทำความสะอาดที่นอนด้วยเบกกิ้งโซดาสำหรับจุดเล็ก ๆ หรือเครื่องอบไอน้ำสำหรับสิ่งสกปรกที่รุนแรงขึ้นสามารถช่วยให้อาการแพ้ของคุณสงบลงได้โดยการลดไรฝุ่นทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นและที่ดีที่สุดคือช่วยคุณได้ นอนหลับสบายขึ้น" ขายแล้ว! นี่คือวิธีการทำ 7. การทำความสะอาดผ้านวม ผ้านวมของคุณอาจมีคำแนะนำในการทำความสะอาด แต่ถึงอย่างนั้นผ้านวมหลายผืนจะไม่พอดีกับเครื่องซักผ้าแม้ว่าจะบอกว่าซักด้วยเครื่องได้ก็ตาม หากเป็นกรณีนี้ให้ใช้อ่างอาบน้ำหรือสระว่ายน้ำตัวเล็กด้านนอกซึ่งคุณสามารถปั่นป่วนได้โดยการเดินบนนั้น หากคุณมีจุดที่ต้องทำความสะอาดให้งดการจุ่มผ้านวมทั้งผืน บีบน้ำออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และปั่นให้แห้งหรือแห้ง 8.
หากบริษัทของคุณใช้ผ้าปูที่นอน เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าปูโต๊ะเป็นประจำทุกวัน อย่างนั้นบริการของเราก็เหมาะกับคุณ! บริการซักรีดของเราในกรุงเทพฯ จะคืนเสื้อผ้าและผ้าลินินที่สะอาดและมีกลิ่นหอม ที่ไร้รอยเปื้อนและพับให้เรียบร้อย ภายในกรอบเวลา 24 ชั่วโมง รับซักรีดและซักแห้งของคุณในที่เดียว! บริการซักรีดจาก โนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค อยู่ตรงนี้เพื่อธุรกิจของคุณ!
เวลาที่เราเดินทางไปพักตามสถานที่อย่างโรงแรมต่าง ๆ สิ่งที่เรามักจะคุ้นชินสายตาอยู่เสมอก็คือ "ที่นอนของโรงแรม" สีขาวสะอาดชวนให้รู้สึกอยากนอน ซึ่งบนที่นอนของโรงแรมก็จะประกอบด้วยผ้าปูที่นอนโรงแรม, ผ้าขนหนูโรงแรม และหมอนโรงแรม ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมักจะดูขาวสะอาดและฟูนุ่มน่าใช้งานอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะมีคนมาใช้บริการเยอะแค่ไหนหรือโรงแรมนี้จะตั้งอยู่มานานเพียงใด แต่ที่นอนโรงแรมก็จะยังดูสะอาด ดูใหม่ และดูน่าใช้งานอยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง แล้วถ้าหากเราต้องการให้ผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู และหมอนของเราดูน่าใช้งานแบบผ้าปูโรงแรม ผ้าขนหนูโรงแรม และหมอนโรงแรมบ้างล่ะ? เราจะมีวิธีทำความสะอาดหรือจัดการกับสิ่งของเหล่านั้นอย่างไรดี? ถ้าหากคุณสงสัยล่ะก็ วันนี้เรามีคำตอบมาให้กับคุณแล้ว ไปติดตามเนื้อหากันเลยดีกว่า!
ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ ก็คือเป็นเส้นใยผสมระหว่างผ้าฝ้าย 100% และ Polyester หาได้ง่ายตามท้องตลาด ข้อดีของผ้าชนิดนี้คือเมื่อซักแล้วเนื้อผ้าจะไม่หด ไม่ย้วย ยับยาก เพราะมีเส้นใยสังเคราะห์ผสมอยู่ แต่ข้อเสียคือด้วยความเป็นผ้าที่มีเส้นใยสังเคราะห์ผสมอยู่ด้วย เลยทำให้ระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีเท่าไร เวลานอนเลยรู้สึกเหมือนที่นอนจะอุ่นๆตลอดเวลา 3. ผ้าไหม คือผ้าที่ทำมาจากเส้นใยของตัวไหม ส่วนมากจะนิยมทำเป็นเสื้อผ้ามากกว่า ผ้าไหมจะเก่าเร็วถ้าซักรีดบ่อย ๆ ไม่ทนต่อสารซักฟอกที่มีส่วนผสมของด่างเข้มข้นและไม่ทนต่อแสงแดด เวลาซักรีดผ้าไหมจึงต้องทำอย่างระมัดระวังมากกว่าการซักผ้าชนิดอื่น แต่ที่นำมาทำเป็นผ้าปูที่นอนด้วยก็เพราะว่า ผ้าไหมมีคุณสมบัติในการปรับให้ร้อนหรือเย็นได้ดี คือจะรู้สึกเย็นเมื่ออากาศร้อน และจะรู้สึกอุ่นเมื่ออากาศหนาวนั่นเอง 4. ผ้าซาติน คือ ผ้าที่มีความยืดหยุ่น และคงรูปได้ดี ซักง่าย แห้งเร็วไม่ต้องรีด เนื้อผ้ามีลักษณะมันวาว นุ่ม ลื่น ให้สัมผัสที่ดีกับผิวของเรา เส้นใยผ้าสามารถใช้ได้ทั้งเส้นใยฝ้าย เส้นใย Polyester เส้นใยไหม ซึ่งแต่ละเส้นใยก็จะมีคุณสมบัติต่างกันออกไปตามที่ได้อธิบายข้างต้น แต่เมื่อนำเส้นใยผ้าต่าง ๆ มาทอแบบผ้าซาตินก็จะให้สัมผัสที่ดีขึ้นได้ แต่ผ้าชนิดนี้ก็มีข้อเสียเหมือนกันนั่นก็คือหลุดลุ่ยง่ายและมีค่าบำรุงรักษาที่สูง แต่ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากับการซื้อมาเป็นผ้าปูที่นอนของเรานะ 5.
เนื้อหา 1. ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน 2. ทำให้ผ้าปูที่นอนมีกลิ่นหอมสดชื่น 3. ทำความสะอาดหมอน 4. หมอนแห้ง 5. พับติดตั้งแผ่น 6. การทำความสะอาดที่นอน 7. การทำความสะอาดผ้านวม 8. ใส่ผ้านวมกลับเข้าไปใหม่ ตั้งแต่การพับผ้าปูที่นอนขนาดพอดีตัวไปจนถึงการรักษาปลอกหมอนให้สดชื่นต่อไปนี้เป็นวิธีรักผ้าปูที่นอนของคุณเพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด เราใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนเตียง แต่ผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนของเรามักจะหดสั้นลงในแผนกดูแล ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการดูแลพวกเขาตกอยู่ภายใต้ร่มของงานที่น่าเบื่อหน่าย แต่เนื่องจากการดูแลที่เหมาะสมของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความลึกลับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นที่การดูแลทำความสะอาดมีให้: ผ้าปูที่นอนแบบพับได้ฉันต้องพูดมากกว่านี้หรือไม่? แต่การดูแลสิ่งที่เราแต่งเตียงเพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ ฝ้าย" ธรรมดา" เป็นพืชที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลกและยิ่งเราบริโภคน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทางเลือกที่ยั่งยืนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและกระเป๋าสตางค์ของคุณจะมีอายุยืนยาวขึ้นนอกจากนี้การใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งของของเราถือเป็นพื้นฐานง่ายๆในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นวิธีแสดงความรักบนเครื่องนอนของคุณ 1.
มาเปิดโปงการซักผ้าปูที่นอนแบบผิด ๆ ให้แม่บ้านได้กระจ่างแจ้งกันไปเลย พร้อมกับวิธีแก้ไขที่ถูกต้องและควรทำมากกว่า จะเป็นอย่างไรนั้นต้องไปดูกันเลย ล้านคำอ้างต่าง ๆ นานา ที่เขาว่าทำอย่างนั้นถึงจะสะอาดจริง อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป และอย่าหลงเชื่อจนเกินพอดี ถ้ายังไม่แน่ใจว่าการซักผ้าปูที่นอนแบบไหนถึงจะถูกต้องอย่างแท้จริง แต่ก่อนจะเรียนรู้วิธีที่ถูกต้อง ก็มาดูความเชื่อผิด ๆ ที่ห้ามทำโดยเด็ดขาดกันก่อน พร้อมกับวิธีซักผ้าปูที่นอนที่ถูกต้อง ให้คุณแม่บ้านที่เคยหลงทำผิดไปได้แก้ตัวใหม่กันด้วยค่ะ 1. แช่ผ้าปูที่นอนในน้ำผงซักฟอกไว้นานเกิน แม้ว่าผ้าปูที่นอนจะไม่มีคราบหนัก ๆ เท่ากับชุดออกกำลังกาย แต่ก่อนที่จะซักผ้าปูที่นอนในแต่ละสัปดาห์นั้น เราจึงต้องแช่ผ้าปูในน้ำผงซักฟอกประมาณ 5-10 นาที ก่อนซักทุกครั้ง เพื่อให้คราบอ่อนตัวและง่ายต่อการซัก ที่สำคัญไม่ควรแช่ทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน เพราะถ้าแช่ผ้านานเกินไป เนื้อผ้าที่เคยมีสัมผัสนุ่มเบาสบาย ก็จะโดนทำลายไปพร้อมกับคราบนั่นเอง 2. ลืมซักคราบหนักเฉพาะจุดก่อน ทั้งผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หรือผ้าห่มที่ใช้มาเกิน 1 สัปดาห์ ล้วนแต่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งคราบน้ำลายบูด ดังนั้นก่อนลงมือซักอย่างจริงจัง ควรตรวจหาจุดคราบหนักเพื่อซักส่วนนั้นให้ออกซะก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าซักรวมไปเลย คราบที่ว่าสกปรกสุด ๆ ก็จะหลุดไปเพียงนิดเดียว 3.
ข้อสำคัญในการซักผ้าให้สะอาดคือ ควรใส่ผ้าในเครื่องซักผ้าอย่างมากสุดเพียง 80% เท่านั้น เพราะหากใส่ผ้าจำนวนมากเกินไป หรือผ้าชิ้นหนาและใหญ่จะทำให้ในถังซักแน่น และไม่มีพื้นที่ว่างเพียงพอกับการพลิกตัวของผ้า ในขณะเดียวกันหากใส่ผ้าน้อยเกินไปอาจทำให้ผ้าเสียหายจากแรงเหวี่ยงภายในถังซักนั่นเอง Tip: หากใครมีปัญหาเรื่องความจุอันน้อยนิดของถังซัก ผมขอแนะนำ เครื่องซักผ้า LG Inverter รุ่น T2724SSAV ครับ เพราะเป็นเครื่องซักผ้าที่มีความจุซักขนาดใหญ่ถึง 24 กก.